วันที่ 3 เดือน 4 ปี 2523 ลิงตัวน้อย ลืมตาดูโลก
เด็กหญิงตัวน้อย อยู่ในอ้อมกอด หม่าม้า และ ป่าป๊า เป็นลูกสาวคนแรก และคนเดียว
การเกิดของเรา ส่งผลให้
อากง ถูกหวย !!!!!! อิอิ เป็นเรื่องดี ว่า เราเกิดมา สร้างความสุข สร้างความมั่งคั่ง lol
และด้วยความที่เป็นลูกสาวคนเดียว ตอนเด็กๆ ต้องมีคนจำวันเกิดได้ หากใครจำไม่ได้จะแอบงอน 555555
และก็เป็นลูกสาวคนเดียวนี่แหละ ที่พอใกล้ถึงวันเกิดของใครในครอบครัว ทุกคนต้องโทรมาถามก่อนว่า
"วี นี่ใกล้วันเกิด ... แล้วใช่ไหม" เหมือนเป็น Bug 1113" เพราะเราเป็นคนให้ความสำคัญกับวันเกิดมาก
ปีนี้ แม้ว่าจะไม่ได้ Birthday กันพร้อมหน้า แต่เราก็สัมผัสได้ถึงความรักที่ทุกคนมีให้
ปีที่แล้วไปปราณบุรีกันครบทุกคน สถานะยังโสด
ปีนี้วันเกิด 3/4/2010 สถานะเปลี่ยนเป็น สมรสแล้ว ไม่ค่อยได้ทำอะไร นอนเต็มอิ่ม ไปส่งเจ๊หมิงขึ้นเครื่อง และ ไปทำบุญสถานสงเคราะห์เด็กอ่อนพิการ บ้านเฟื่องฟ้า กับพี่กอล์ฟ
ปีนี้ฉลอง late ไป 1 วัน เพราะทุกคนไม่ว่าง แต่ก็ OK กิน MK ก่ะ Swenzen ที่ Central ลาดพร้าว (ก่อนเค้าปิดปรับปรุง)
เวลาผ่านมา 30 ปีแล้วหรือนี่ ทำไมมันเร็วจัง เพิ่งรู้สึกว่าตัวเอง 18 เมื่อไม่กี่วันนี่เองนะ
จะว่าไป 30 ปีที่ผ่านมา ก็ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข
เคยได้รับการสัมภาษณ์ตอนเข้าเรียน โท MBA KKU
ผู้สัมภาษณ์ถามว่า
" ที่ผ่านมา เคยล้มเหลวอะไรบ้าง "
นิ่งคิดอยู่นาน เออ ชีวิตที่ผ่านมา เราไม่เคยมีอะไรที่เราล้มเหลวเลยเนอะ
ก็ตอบไปว่า
" เท่าที่นึกได้ ไม่มีอะไรที่เคยล้มเหลวค่ะ ครอบครัวก็มีความสุข เรียนหรือสมัครเรียน สมัครสอบที่ไหน ก็เข้าได้ สอบก็ได้ดี ent ก็ติด เพื่อนก็ดี"
อันนี้ต้องขอบคุณใครเป็นพิเศษ รู้ไหม?????
ต้องขอบคุณ ครอบครัวของเรา
อาม่า
อาม่าเป็นคนที่ใจดี เป็นห่วงหลาน และ เป็นคนที่ขุนหลานให้อ้วนได้ พร้อมทั้งเสริมให้หลานฉลาดตัวเลขได้เป็นอย่างดี
ตอนเด็กๆ เรามักจะได้ไปนอนเป็นเพื่อนอาม่า อาม่ามักจะปอกผลไม้ให้กิน ทำข้าวต้มกับถั่วต้มอร่อยๆเป็นอาหารเช้าให้ทาน และ เวลาปลุกตอนเช้าจะเอาไม้ยาวๆ กระทุ้งเพดานเพื่อปลุกเราที่นอนชั้น 2 ให้ตื่นอาบน้ำได้แล้ว
ที่สำคัญ ชวนฝึกสมองกับกบดำกบแดง ที่ทุกคนเก่งเป็นมือฉมังเลยเชียว อิอิ
ผลบุญนี้ช่วยให้หลานวี chill chill ได้กับวิชาคณิตศาสตร์มาตั้งแต่เด็ก
ป่าป๊า
ที่เป็นแบบอย่างในการคิด ในการใช้ชีวิต การสอนของป่าป๊าทำให้เราได้รู้ว่า การทำอะไรด้วยตัวเอง เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในการใช้ชีวิต และ เราต้องรักและเคารพผู้ที่ให้ความช่วยเหลือ หรือ ผู้ที่ทำความดีให้แก่โลก
หม่าม้า
ที่เป็นแบบอย่างของผู้หญิงแกร่ง เก่ง เป็นแม่ที่สามารถดูแลลูกทั้ง 4 คนได้เป็นอย่างดี พวกเราไม่มีใครนอกลู่นอกทางเลย และเป็นแบบอย่างของการที่สามารถให้ทุกคนชื่นชมได้ว่า หม่าม้าเป็นคนดี เป็นหญิงเก่ง และ ทุกคนที่ได้รู้จักหม่าม้า รักหม่าม้ากันหมดเลย
เฮียเอ เฮียโอ เอ็ม
พี่ชายและน้องชาย ที่เป็นกำลังใจ ที่ปรึกษา อย่างดี ทั้งการเรียนและการใช้ชีวิต รวมทั้งเป็นแบบอย่างด้วยนะ
และอีกครอบครัวเล็กๆที่เราโตมาด้วยกัน
ครอบครัวของเจ๊กเคี้ยวและซิ่มกุ้ง แก้ม ริน
(ซึ่งอยู่ที่บ้านอาม่า หรือเรียกว่าซุปเปอร์ เพราะสมัยก่อน
ทำเป็นร้านขายของ ซุปเปอร์ที่ hiso ที่สุดในขอนแก่น )
ซึ่งอีกนัย เป็นพ่อแม่บุญธรรมของเรากับน้องชาย
หากตอนเด็กไม่ได้ไปเล่น ไปนอนด้วยกัน กับแก้มและริน ก็จะไม่ได้เป็นพี่สาวคนโต
การเป็นพี่สาวคนโต ค่อนข้างยากนะ เพราะปกติอยู่บ้านจะเป็นลูกสาวคนเดียวและคนกลาง
แต่เวลาไปบ้านอาม่า จะต้องเป็นพี่สาวคนโต ทำให้รู้ว่า หากความซวยบังเกิด จะโดนคนแรก hahahaha
เวลาไปเล่นที่นี่ เราต้องนำน้องและดูแลน้อง และเวลาเล่นอะไรแผลงๆก็มักจะโดนตีด้วยกัน แต่พี่สาวคนโตโดนก่อนและมักจะโดนเสมอๆ อิอิ
การไปเล่นที่บ้านอาม่าก็ทำให้เราเป็นหัวหน้าแกงค์เด็ก โดยชอบเปิดโรงเรียนสอนเด็ก เล่นกัน ไปซื้อหนังสือมาสอนเด็กน้องๆเล็กๆ หรือบางทีมีทำขนมครกที่บ้านเหล่ากู๋ ก็จะไปเล่นกับเค้า บางปี ก็แต่งตัวเป็น Bozo เพื่อแสดงเป็นตัวตลกให้น้องๆสนุกๆ
เป็นชิงช้าหมุนๆ ให้น้องเล่น (จับแขนน้องแล้วเหวี่ยงให้น้องลอยเป็นวงกลม น่าเวียนหัว)
สิ่งนี้ส่งผลให้ตัวเรา ในทุกวันนี้ มีความรักและชอบเล่นกับเด็ก อยากทำงานกับเด็ก อยากทำงานเพื่อสังคม
ตอนเรียนโท อาจารย์ให้เขียนว่าเราอยากทำธุรกิจอะไร
เราบอกไปว่า "อยากทำธุรกิจที่ช่วงสังคม" ซึ่งมันค่อนข้างเป็นไปได้ยากในทางธุรกิจ เว้นแต่ว่าจะทำ CSR ให้เป็นเรื่องเป็นราว
ส่วนตัวธุรกิจเอง เราเลยเขียนที่น่าจะเป็นจริงได้คือ "โรงเรียนสอนเด็กที่เน้นเรื่องการให้ความช่วยเหลือตอบแทนสังคม" เราจะสอนให้เด็กเข้าใจความแตกต่างของคน และ ให้เอื้อเฟื้อ เผื่อแผ่ คนที่มีน้อยกว่าเรา หรือ หากเรามีน้อยกว่าเค้า ให้เราพึงพอใจและใช้ชีวิตให้ดีที่สุด ทำแต่ละวันให้ดีที่สุดโดยไม่เบียดเบียนใคร
ชีวิตที่ผ่านมา 30 ปี
ได้ผ่านการเรียนมา 7 สถาบัน ทำงานมา 3 องค์กร
ได้แต่งงานแล้ว
เหลืออีกอย่างเดียวที่ยังไม่ได้เติมเต็มชีวิต
การมีลูก (เป็นของตัวเอง)
ที่วงเล็บไว้เพราะว่า ตอนฝึกงานสมัยเรียน ป.ตรี ได้มีโอกาสไปฝึกงานที่สถานสงเคราะห์เด็กอ่อน ปากเกร็ด ก้ได้ดูแลเด็กชายคนหนึ่ง ในสถานสงเคราะห์ ชื่อ บัณฑิต เป็นเด็กชายที่ต้องชะตามาก ก็ดูแลเค้าตั้งแต่หัดคลาน จนหัดเดินได้ และเค้าก็ได้ชีวิตใหม่ไปอยู่เดนมาร์กแล้วกับครอบครัวอุปถัมภ์
มีหลายคน (เกือบทุกคน) เชียร์ให้มีลูกเลย
ขอบอกก่อนว่า เคยตั้งใจเอาไว้ว่าอยากมีลูกตอนอายุ 28
แต่ตอนนี้ก็ล่วงเลยมา 2 ปี เพราะเพิ่งแต่งงานปีที่แล้ว (หุหุ)
ขอใช้ชีวิตก่อนแล้วกันนะ เพื่อความพร้อมของการมีลูก และเราตั้งใจจะทำให้ดีที่สุด เมื่อถึงเวลานั้น
สิ่งสำคัญที่ได้เรียนรู้เมื่อผ่านมา 30 ฝน คือ
การไม่คาดหวัง
จริงอยู่คนเราต้องมีเป้าหมาย โดยเฉพาะเรานี่แหละ จะทำอะไรต้องมีเป้าหมาย ต้องทำ โน่น นั่น นี่ให้ได้ และต้องทำให้ได้ดี (ต้องดีกว่าคนอื่นด้วย)
บางครั้งส่งผลให้ บางทีที่ไม่เป็นตามเป้าหมายก็เสียใจ จิตตกไปชั่วขณะ
แต่ด้วย secure based ของเราที่ดี คือ ครอบครัว ส่งผลให้เราฟื้นจากจิตตกเร็ว
และเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ไม่เป็นตามเป้าหมายบ่อยๆ
สิ่งที่ได้เรียนรู้จริงๆ คือ การที่เราไม่คาดหวังกับมันมากเกินไป
ไม่คาดหวังคืออะไร
ในความคิดของเรา ไม่คาดหวังในสิ่งที่เราควบคุมไม่ได้ นั่นแหละ โดยเฉพาะสิ่งที่ต้องมีผู้อื่นร่วมกันตัดสินใจ
เพราะยิ่งคาดหวังไป ไม่ได้ตามหวัง จะเสียใจเปล่า
นี่แหละ บทเรียนที่ได้จากวัย 30